บริจาค

เห็นว่า..บล็อกนี้ดี มีประโยชน์... โปรดสนับสนุนผู้ทำบล็อกได้ที่ พร้อมเพย์ 083-4616989
หรือบัญชี 002-1-70462-8 กสิกรไทย สาขาบางลำภู

ความเป็นจริง (reality) ของศาสนาพุทธคืออะไร?

เมื่อใช้ความหมายของความเป็นจริง (reality) ศาสตร์ตะวันตกเป็นเกณฑ์หลัก ความเป็นจริงของศาสนาพุทธก็ควรจะเป็นเรื่อง นรก สวรรค์ รูปพรหม อรูปพรหม การเวียนว่ายตายเกิด กรรม ฯลฯ เป็นต้น เพราะ เรื่องดังกล่าวนั้นเป็นเหตุเบื้องหลังของปรากฏการณ์ของชีวิตมนุษย์ในโลก

เมื่อถึงตอนนี้ ก็แสดงได้ว่า ความเป็นจริง (reality) ของศาสนาพุทธนี้  ศาสตร์ตะวันตกทั้งวิทยาศาสตร์และปรัชญาไม่สามารถเข้าไปรับรู้ได้แน่ๆ

แล้วความเป็นจริง (reality) ของศาสนาพุทธดังกล่าวนี้  ถูกอำนาจทางวิชาการของทางตะวันตกปฏิเสธเอาดื้อๆ ว่าไม่มี  สิ่งต่างๆ เหล่านี้ มีอยู่ในพระไตรปิฎก เป็นเพียงกุศโลบายของพระพุทธเจ้า เพื่อต้องการให้คนทำความดีเท่านั้น

ถ้าเปรียบเทียบองค์ความรู้ของศาสนาพุทธกับศาสตร์ตะวันตก ในประเด็นที่เข้าไปรับรู้ความเป็นจริง (reality) ก็จะเริ่มเห็นความแตกต่างขององค์ความรู้ทั้ง 2 รูปแบบนี้ ได้ชัดเจนขึ้น

4) ความจริงขั้นสุดท้าย (ultimate truth)

พจนานุกรมศัพท์ปรัชญาอังกฤษ-ไทย ฉบับราชบัณฑิตยสถานได้ให้ความหมายไว้ว่า  ปรมัตถสัจ [2], อันติมะสัจ หมายถึง ความจริงขั้นสุดท้าย เช่น พระเวทของฮินดู

สำหรับ ความจริงขั้นสุดท้าย (ultimate truth) นี้ มุ่งหมายไปที่ข้อความของภาษา ขอให้สังเกตความหมายของคำว่า truth ดังนั้น จึงหมายถึง ความศักดิ์สิทธิ์ ของคัมภีร์

ความหมายของคำนี้ ผมเห็นว่า ไม่มีในศาสนาพุทธเพราะ ในพระไตรปิฎกนั้น ไม่ว่าจะเป็นพระวินัย พระสูตร หรือพระอภิธรรม พุทธศาสนิกชนเห็นว่า มีความศักดิ์สิทธิ์เท่ากัน

ส่วนกรณีที่เป็นตำราที่ใช้อธิบายพระไตรปิฎก เช่น อรรถกถา ฎีกา อนุฎีกา และคำอธิบายของพระภิกษุต่างๆ นั้น เป็นอีกกรณีหนึ่งไม่ใช่ในความหมายของคำๆ นี้

ส่วนคัมภีร์ของศาสนาพราหมณ์-ฮินดู จำนวน 4 คัมภีร์นั้น ศาสนาพราหมณ์-ฮินดูถือว่าคัมภีร์พระเวทมีความศักดิ์สิทธิ์มากกว่าคัมภีร์อื่น

5) ความเป็นจริงสูงสุด (ultimate reality)

พจนานุกรมศัพท์ปรัชญาอังกฤษ-ไทย ฉบับราชบัณฑิตยสถานได้ให้ความหมายไว้ว่า  ความเป็นจริงอันติมะ หมายถึง ความเป็นจริงขั้นสูงสุด เช่น น้ำในปรัชญาของทาเลส (Thales) ปรมาตมันในปรัชญาฮินดู

คำว่า ความเป็นจริงสูงสุด (ultimate reality) ถ้าจะเทียบกับพุทธเถรวาทก็คือ นิพพานนั่นเอง

6) สัจจะ

คำว่า สัจจะในพจนานุกรมแปลว่า ความจริง

เมื่อเปรียบเทียบคำว่า สัจจะของศาสนาพุทธกับคำที่เกี่ยวกับ จริงของปรัชญาตะวันตก จะเห็นได้ว่า คำที่เกี่ยวกับ จริงในพุทธเถรวาทมีคำเดียวคือ สัจจะถ้าจะใช้ในความหมายอื่น เราจะใช้คำอื่นๆ มาขยาย หรือมาประกอบให้เป็นคำใหม่ขึ้นมา เช่น อริยสัจ เป็นต้น

สำหรับคำที่เกี่ยวกับ จริงของปรัชญาตะวันตกจะมีรากศัพท์ 3 คำคือ fact, truth และ reality  เมื่อมีความหมายอื่นๆ นอกเหนือจากความหมายของคำทั้ง 3 คำเหล่านั้น ก็จะนำคำมาขยายหรือประกอบใหม่ให้มีความหมายแตกต่างไป เช่น ultimate truth และ ultimate reality ดังได้กล่าวมาแล้ว

สิ่งที่เป็นปัญหาสำหรับคนไทยจำนวนมาก ในเรื่องที่เกี่ยวกับ สิ่งที่จริงของปรัชญาตะวันตกก็คือ ความสัมพันธ์ระหว่าง ข้อเท็จจริง (fact) ความจริง (truth) และ ความเป็นจริง (reality)

ความสัมพันธ์ระหว่าง ข้อเท็จจริง (fact) กับความจริง (truth)

ความสัมพันธ์ระหว่าง ข้อเท็จจริง (fact) กับความจริง (truth) ไม่ค่อยจะมีปัญหามากนัก เพราะมีเหตุการณ์ยืนยันอยู่

ขอยกตัวอย่างประกอบ ดังนี้
สมมุติว่า นายแดงเป็นผู้โดยสารคนหนึ่งของสายการบินวันทูโก (One to go) ที่เกิดอุบัติเหตุลื่นไถลบนรันเวย์ทำให้ผู้โดยสารตายไปเกือบร้อยคน เหตุการณ์ดังกล่าวนี้ก็เป็น ข้อเท็จจริง (fact)

เมื่อนายแดงมาเขียนหรือเล่าให้คนอื่นฟัง ข้อเขียนหรือคำเล่าของนายแดงก็เป็นความจริง (truth)

เรื่องนี้เป็นปัญหาน้อย เพราะ ถ้านายแดงเล่าหรือเขียนไม่ตรงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ก็อาจจะตรวจสอบได้จากคนอื่นๆ

ผู้อ่านบางท่าน อาจจะคิดว่า ผมเพี้ยนหรือยังไง ที่กล่าวว่า นายแดงอาจจะเล่าหรือเขียนเหตุการณ์ที่ไม่ตรงกับข้อเท็จจริง (fact) ที่เกิดขึ้น ก็นายแดงแกก็ลื่นไถลไปพร้อมๆ กับเครื่องบิน

ผมขอยืนยันว่า นายแดงไม่มีโอกาสทราบทุกเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในช่วงนั้นเป็นเด็ดขาด นายแดงจะทราบเหตุการณ์ที่นายแดงประสบอยู่เท่านั้น โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ถ้าเป็นสถานการณ์เสี่ยงเป็นเสี่ยงตายด้วยแล้ว  สถานการณ์ของตัวเอง บางทียังรับรู้ได้ไม่ถึง 50%

ในกรณีที่เป็นสถานการณ์ของคนอื่นๆ  ถ้าไม่อยู่ในขอบเขตสายตาของนายแดง นายแดงไม่มีโอกาสจะรู้ได้เลย

หนทางที่นายแดงจะรู้ได้ก็คือ จากการสอบถามผู้อื่น ซึ่งก็ไม่ใช่ข้อเท็จจริง (fact) แล้ว แต่กลายเป็นความจริง (truth) แล้ว อาจจะเป็นความจริง (truth) ที่ไม่ตรงกับข้อเท็จจริง (fact) เลยก็อาจจะเป็นได้

จะเห็นว่า ถ้าเป็นกรณีความจริง (truth) ที่ตรงกับข้อเท็จจริง (fact) แล้ว ปัญหามีไม่มาก แต่ถ้าเป็นความสัมพันธ์ระหว่างความจริง (truth) กับ ความเป็นจริง (reality) นี้แตกต่างออกไป

เพราะมีปัญหามาก เนื่องจากนักปรัชญาตะวันตกยอมรับว่า มีปรากฏการณ์ที่เป็นความเป็นจริง (reality) อยู่ แต่ไม่แน่ใจว่ามนุษย์จะสามารถเข้าถึงปรากฏการณ์ที่ว่านี้ได้หรือไม่

ความเป็นจริง (reality) ในทางศาสนาพุทธ ผมได้อธิบายไปแล้วว่า องค์ความรู้ของทางศาสตร์ตะวันตกไม่มีทางรับรู้ได้แน่นอน

หลักฐานที่สนับสนุนข้อเขียนของผมอย่างชัดเจนก็คือ ในทางวิทยาศาสตร์และปรัชญาตะวันตก ปฏิเสธไปแล้วว่า  นรก สวรรค์ การเวียนว่ายตายเกิด ฯลฯ ไม่มีจริง

ในกรณีที่เป็น ความเป็นจริง (reality) ในทางฟิสิกส์ใหม่นี้  ผมเห็นว่า นักวิทยาศาสตร์อาจจะ รู้ได้ว่า ความเป็นจริง (reality) นั้นมีอยู่ แต่รู้โดยทางอ้อมเท่านั้น  ไม่สามารถเข้ารับรู้ความเป็นจริง (reality) เหล่านั้นได้

ยกตัวอย่างเรื่องแสงเดินทางเป็นเส้นโค้งของไอน์สไตน์ก็ได้

เมื่อไอน์สไตน์แกคิดออกแล้วว่า แสงเดินทางเป็นเส้นโค้ง แถมบอกด้วยว่า ให้ไปพิสูจน์ตอนที่เกิดสุริยุปราคา แกบอกด้วยว่า แสงจะโค้งไปกี่ฟิลิปดา

เซอร์เอ็ดดิงตัน นักวิทยาศาสตร์ชาวอังกฤษเป็นคนไปพิสูจน์ตามทฤษฎีของไอน์สไตน์ โดยใช้วิธีการถ่ายภาพดวงดาว ก่อนและหลังการเกิดสุริยุปราคา ซึ่งก็พบว่า เมื่อพิจารณาเปรียบเทียบภาพถ่ายทั้ง 2 ภาพแล้ว ถ้าตำแหน่งของดวงดาวในภาพนั้น แตกต่างกัน คือ เปลี่ยนที่ไปก็แสดงว่า ทฤษฎีของไอน์สไตน์ถูกต้อง

ไอน์สไตน์ก็เริ่มดังมาตั้งแต่นั้น คือ หลังจากเสนอทฤษฎีไปแล้วประมาณ 10 กว่าปี ก่อนหน้านั้น ยังไม่ค่อยมีใครเชื่อถือไอน์สไตน์มากนัก

เมื่อเซอร์เอ็ดดิงตันนำเสนอภาพถ่ายพร้อมกับคำอธิบายในที่ประชุมเพื่อยืนยันว่าแสงเดินทางเป็นเส้นโค้งจริง นั่นก็แสดงว่า เซอร์เอ็ดดิงตันกำลังเสนอความจริง (truth) ที่ตรงกับความเป็นจริง (reality)

ตรงนี้ผู้อ่านอาจจะเริ่มสงสัยผมอีกแล้วว่า ตัวอย่างเรื่องเครื่องบินวันทูโก ผมบอกว่า ประเด็นนั้น นายแดงเสนอความจริง (truth) ที่ตรงกับข้อเท็จจริง (fact) แต่ในเรื่องนี้ เหตุการณ์ก็เป็นไปในทำนองเดียวกัน แต่ทำไมผมถึงบอกว่า เซอร์เอ็ดดิงตันกำลังเสนอความจริง (truth) ที่ตรงกับความเป็นจริง (reality)

ผมมีเหตุผลของผมดังต่อไปนี้

ในกรณีนี้ ถ้าผู้ช่วยของเซอร์เอ็ดดิงตันมาแสดงภาพถ่ายในการทำงานของเซอร์เอ็ดดิงตันว่า ตั้งกล้องยังไง ถ่ายยังไง วัดแสงยังไง ถ่ายแล้วเก็บฟิล์มยังไง ขนย้ายฟิล์มยังไง  ในกรณีนี้เห็นได้ชัดเจนว่า ผู้ช่วยของเซอร์เอ็ดดิงตันก็เสนอความจริง (truth) ที่ตรงกับข้อเท็จจริง (fact)

ในกรณีของเซอร์เอ็ดดิงตัน ท่านเซอร์ท่านเสนอว่า แสงเดินทางเป็นเส้นโค้งนะครับ ผมอยากจะถามว่า ใครเคยเห็นแสงเดินทางเป็นเส้นโค้งบ้าง???

แสงเดินทางเป็นเส้นโค้งนี่เป็นความเป็นจริง (reality) ไปแล้ว ในยุคฟิสิกส์ใหม่นี้ เป็นที่ยอมรับกันโดยทั่วไป แต่มีใครเห็นแสงเดินทางเป็นเส้นโค้งบ้าง แม้กระทั่งตัวของไอน์สไตน์เองก็ตาม

ในรูปถ่ายนั้น เราจะเห็นแต่ภาพของดวงดาวกับภาพของดวงอาทิตย์ ส่วนแสงสว่างนั้น เราจะเห็นเต็มภาพไปหมด ถ้าถ่ายภาพก่อนการเกิดสุริยุปราคา

ถ้าถ่ายภาพขณะที่เกิดสุริยปราคาเต็มดวง เราก็จะเห็นภาพดวงดาว แต่ไม่เห็นแสงสว่างเลย ยกเว้นแสงของภาพดวงดาว แล้วใครจะเห็นว่า แสงเดินทางเป็นเส้นโค้งบ้าง

จากตัวอย่างที่ยกมาข้างต้น สรุปได้ว่า ความเป็นจริง (reality) ในทางวิทยาศาสตร์นี้ มีความเป็นจริง (reality) เป็นจำนวนมากเลย ที่นักวิทยาศาสตร์ได้แต่เพียง รู้เท่านั้น แต่ไม่มีใคร เห็น

ยกตัวอย่างอีกสักเรื่องก็ได้

เอาเรื่องใกล้ๆ ตัวก็ได้คือ เรื่องของคลื่นโทรทัศน์หรือคลื่นวิทยุ ซึ่งเป็นคลื่นไฟฟ้า

คงมีคนเป็นจำนวนน้อยมากในยุคปัจจุบันนี้ ที่ไม่เคยดูโทรทัศน์และไม่ได้ฟังวิทยุมาเลย  ถ้าจะมี ก็น่าจะเป็นคนที่พิการทั้งทางตาและทางหู คือ ทั้งหูหนวกและตาบอด  ถ้าเป็นคนปกติก็คงจะต้องเคยดูโทรทัศน์และฟังวิทยุกันมาอย่างแน่นอน

ทั้งๆ ที่ได้เคยดูภาพจากโทรทัศน์และฟังเสียงจากวิทยุมาเป็นระยะกันนานๆ บางคนก็ตั้งแต่เป็นเด็กทารกจนกระทั่งแก่  ผมขอยืนยันว่า ไม่มีใครในโลกนี้ เคยเห็นคลื่นวิทยุและคลื่นโทรทัศน์ แม้กระทั่งนักวิทยาศาสตร์เอง

เครื่องมือทางวิทยาศาสตร์ที่แสดงภาพของคลื่นที่คล้ายๆ กับคลื่นของน้ำนั้น เป็นภาพที่เครื่องแสดงให้ดูนะครับ ไม่ใช่ภาพของคลื่นจริงๆ ในความเป็นจริง คลื่นมีรูปร่างหน้าตาอย่างไร นักวิทยาศาสตร์เองก็ไม่รู้เหมือนกัน

ตัวอย่างนี้ก็เช่นเดียวกัน แสดงให้เห็นว่า มีความเป็นจริง (reality) ในทางวิทยาศาสตร์เป็นจำนวนมาก ที่นักวิทยาศาสตร์ได้แต่เพียง รู้เท่านั้น แต่ไม่ เห็น

ที่อธิบายที่ผ่านมานั้น เป็นเรื่องของฟิสิกส์ใหม่  ในความคิดความเชื่อของนักวิทยาศาสตร์ในยุคเก่าแล้ว สิ่งที่เป็นความเป็นจริง (reality) ในทางศาสนาพุทธนั้น ซึ่งก็คือเรื่อง นรก สวรรค์ การเวียนว่ายตายเกิด ฯลฯ ถูกปฏิเสธไปหมด

พูดให้เข้าใจง่ายๆ ก็คือ ความเป็นจริง (reality) ในทางศาสนาพุทธนั้น พุทธวิชาการของไทยไม่ยอมรับว่ามี หรือ ไม่เป็นจริง มีไว้เพื่อเป็นกุศโลบายให้คนทำความดี เพราะ ไปเชื่อวิทยาศาสตร์เก่ามากกว่า

ในกรณีที่เป็น ความเป็นจริง (reality) ในทางฟิสิกส์ใหม่นี้  ถ้าถามผมว่า ในการปฏิบัติธรรมเราสามารถเข้าไปรับรู้ได้หรือไม่ กล่าวคือ เราสามารถปฏิบัติธรรมจนเห็นแสงเดินทางเป็นเส้นโค้งได้หรือไม่  เราสามารถปฏิบัติธรรมจนเห็นคลื่นไฟฟ้าได้หรือไม่

ตอบอย่างซื่อๆ  ผมก็จนปัญญาเหมือนกัน  ตอบไม่ได้  ไม่รู้ว่าจะทำได้หรือเปล่า

...........................................
อ้างอิง
[2] คำว่า ปรมัตถสัจจะนี้ พุทธวิชาการที่เชื่อวิทยาศาสตร์มากกว่าศาสนาได้นำเข้าใจอธิบายและตีความพระไตรปิฎก เพื่อให้ผิดเพี้ยนไปตามความเชื่อของตน  ขอให้อ่านบทความ เรื่อง สมมุติสัจจะกับปรมัตถสัจจะในบล็อกของผู้เขียน...

บทความในชุดเดียวกัน



ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น